จำนวนผู้เข้าชม

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"ขายหมู " ได้ยินบ่อยแต่ทำไมเจอทุกที

      หลังจากห่างการเขียนไปหลายวัน วันนี้เป็นวันหยุดยาว 4 วัน ผมจะมาอธิบายสิ่่งที่ผมทำผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง นั่นคือ "การขายหมู"  ขายหมูคืออาการที่หุ้นขึ้นแล้วขายทิ้้งเพื่อเอากำไร แล้วหุ้นยังขึ้นไปต่ออีกมาก ผมกล้าพูดได้เลยถ้าใครลงทุนในหุ้น ไม่เคยขายหมูสักครั้งผมว่าโกหกแน่ๆ  ผมเป็นคนนึงที่ลงทุนในหุ้นตลอดระยะเวลา 7 ปี ผมขายหมูไปหลายรอบมาก มากจนจำไม่ได้ว่าทำไปกี่ครั้ง กว่าจะรู้ว่าไอ้สิ่งที่ทำมันผิดก็ประมาณ 3-4 ปี ทำไมผมถึงไม่เรียนรู้ เพื่อนๆ อาจไม่ได้เป็นแบบผมก็ได้นะ แต่ผมจะบอกว่าทำไมผมถึงไม่เรียนรู้เรื่องนี้สักที เนื่องจากเวลาเราขายหุ้นแล้วได้กำไร เราก็จะเอาเงินไปซื้อตัวอื่นจนไม่ได้มาดูหุ้นตัวเดิมว่าเติบโตไปแล้วเท่าไหร่ นี่เป็นเหตุผลทำให้ผมไม่ได้เรียนรู้สักที เพราะคิดว่าสิ่งทีทำถูกแล้ว เพราะได้กำไรเหมือนกัน แต่ก็วิกฤตที่อเมริกาเมื่อปี 2008 นี่แหละทำให้ผมมีเวลาทบทวนการลงทุน ผมยึด ติดกับทฤษฏีมากไปหรืออาจตีความคำว่าถูกและแพงผิดพลาดไป  ทำให้คิดว่าหุ้นแพงแล้วต้องขาย แต่ในความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่า หุ้นจะถูกหรือแพงมันคืออนาคตไม่ใช่ตอนนี้ สมมติหุ้นวันนี้แพง แต่บริษัท Growth ตลอด คำถามคือ ปีหน้าหุ้นจะแพงไหม ตอบได้เลยว่าถูก เพราะ ยอดขายเพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น เงินปันผลเพิ่มขึ้น สิ่งที่ผมจะบอกคือผมจะถือหุ้นตัวนี้ต่อเพราะปีหน้ามันจะถูกอีกแล้วราคาจะขึ้นอีก
       ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำนอกจากจะดูงบการเงินที่เป็นพื้นฐานบริษัทแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หุ้นขึ้นหรือลงคือ Net Cash Flow  ที่บริษัทจะสร้างขึ้นในอนาคตต่างหากที่เป็นตัวกำหนดว่าหุ้นถูกหรือแพง ผมจึงอยากบอกเพื่อน ๆ ว่า งบการเงินดูเพื่อบอกพื้นฐานของบริษัทได้ แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว "สิ่งที่เป็นตัวชี้วัด คืออนาคตของบริษัทต่างหากที่สำคัญที่สุด ที่จะเป็นตัวบอกว่าหุ้นแพงหรือหุ้นถูก ควรถือหรือขายได้แล้ว "
       ผมหว้ังว่าเรื่องนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่ลงทุนในุหุ้นมีผลตอลแทนที่ดีขึ้น ไม่ต้องมานั่งผิดพลาดเหมือนที่ผมเคยเป็น ขอให้เพื่อน ๆโชคดีกับการลงทุนครับ

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เล่นหุ้นให้ชนะ ต้องดูภาพใหญ่ให้เป็น

   หลาย ๆ ครั้ง  เราชอบบอกว่าเราเป็นนักลงทุนแบบ VI (Value Investor) ฟังดูแล้วเท่ห์จัง แต่น้อยคนที่จะยึดมั่นในหลักการณ์แบบ VI แบบเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรถ้าหลาย ๆ คนพยายามที่จะประยุกต์ทฤษฏีให้เป็นของตัวเอง และก็ถือเป็นสิ่งที่ดีด้วย เพราะแค่ได้กำไร นั่นก็ถือว่าเยี่ยมมากแล้ว
    แต่สิ่่่่่งที่ผมจะนำเสนอในครั้งนี้ไม่ได้มาพูดเกี่ยวกับการเลือกหุ้นแบบ Value Investor ผมจะพูดถึงเหตุการณ์หลังจากที่เราตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน คำถามที่ตามมาเสมอคือเมื่อไหร่ที่จะเข้าซื้อได้ ? และผมเชื่อพวกเราจะมีคำถามตามมาเต็มไปหมดเช่น ตอนนี้หุ้นแพงไปหรือยัง ซื้อเพิ่มได้หรือปล่าว อะไรประมาณนี้ ผมขอแนะนำหัวใจของ Timming ในการเข้าซื้อหุ้น และเป็นวิธีที่ผมใช้มาตลอด อาจจะดูยากสักหน่อย แต่ก็ควรจะสังเกตมันไว้ให้ดี เพราะเราจะตอบคำถามด้านบนได้ทั้งหมด นั่นคือคุณต้องดูภาพใหญ่ให้เป็น เพราะถ้าคุณอ่านภาพใหญ่ขาด ยากมาก ๆๆๆ ที่คุณจะเล่นหุ้นแล้วขาดทุน ( Assumptionคือคุณต้องเลือกหุ้นให้ดีก่อนนะ) ผมยกตัวอย่างสมมติ หุ้นวันนี้ 1000 จุด ถามผมว่าซื้อได้ไหม ถ้าภาพใหญ่อนาคต สัก 1-2 ปี ผมสามารถเห็น 1500 จุด ผมจะบอกให้คุณซื้อไปเลย ค่อยๆ ทะยอยซื้อก็ได้ แต่ถ้ากลับกัน ผมเห็นว่าอนาคตมันจะลงเหลือ  800  จุด ผมก็บอกคุณว่ามันแพงไปแล้ว ให้ขายทิ้ง แต่มันดูเหมือนง่ายที่จะอ่านขาดขนาดนั้น และผมก็ไม่ได้บอกว่ามันง่ายที่จะอ่านให้ขาด ต้องยอมรับว่ายากเลยแหละและเราควรต้องฝึกฝนไว้ แต่นี่แหละที่ผมบอกว่าเป็นทีเด็ด ที่ต้องอ่านภาพใหญ๋ให้ออก และคนอื่นก็ไม่เข้าใจว่าคุณซื้อหรือขายเพราะอะไร เพราะมันจะสวนทางคนส่วนใหญ่เสมอ เพราะอะไร คนส่วนใหญ่มองภาพเล็ก แต่คนส่วนน้อยมองภาพใหญ่  คุณก็รู้ว่าสองกลุ่มนี้ใครจะเล่นหุ้นแล้วชนะ 
     แต่ผมไม่ได้บอกนะว่าถ้าภาพใหญ่ขึ้น มันจะขึ้นรวดเดียว หุ้นมันจะขึ้น ๆลงๆ ลงเพื่อขึ้นต่อสับขาหลอกเราไปเรื่อย ๆ สักพักมันก็ถึง 1500 แต่ถามว่าระหว่างทางที่คุณเล่นหุ้นตามตลาดคุณก็จะมึนกับตลาด ที่ขึ้น ๆลงๆ ลง ๆ ขึ้น ๆ รู้อีกที ซื้อหุ้นไปโคตรแพง  ผมจะยกตัวอย่าง ชัด ๆว่าใครซื้อแบบภาพใหญ่ ลองสังเกตเวลาฝรั่งซื้อหุ้น คุณจะเห็นรูปแบบนึ่งคือ ทำไมชอบเห็นคนไทยขายแล้วฝรั่งก็ซื้อเอาซื้อเอา แล้วก็บอกว่าฝรั่งโง่ซื้อหุ้นแพง สุดท้ายผมถามคำเดียวเมื่อหุ้นคนไทยที่ขายหมดแล้่ว แล้วกลับมาซื้อใหม่ ถามว่าตอนซื้อกลับคนไทยกับฝรั่งใครซื้อถูกกว่ากัน เห็น ๆ ก้นอยู่ว่าใครจะชนะ นี่แหละที่ผมบอกว่าอยากชนะฝรั่งคุณต้องอ่านภาพใหญ่ขาด ถ้าเราดูภาพใหญ่ฝรั่งก็ดูภาพใหญ่คุณก็จะรบในสนามรบเดียวกัน มันแพ้เราแน่นอน เพราะนี่มันถิ่นเรานะนี่มันประเทศไทย เราจะยอมให้มันอ่านเศรษฐกิจไทยชัดกว่าเราได้ไง จริงปะ แต่ทุกวันนี้ที่เราแพ้ฝรั่งก็เพราะเรารบไม่เหมือนมัน  มันใช้เครื่องบิน เราใช้ทหารราบ ไม่บอกก็รู้สนามรบนี้ใครชนะ ฉนั้นอยากชนะการลงทุนในหุ้นคุณต้องมองภาพใหญ่ให้ขาด อ่านมันให้ออก คู่แข่งจะเป็นใครยังไงเราก็กินนิ่ม